สัญญาที่ดีต้องมีลักษณะอย่างไร? คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตามกฎหมาย!

ในการทำธุรกรรมหรือซื้อสินค้าและบริการต่างๆ “สัญญา” คือสิ่งสำคัญที่ช่วยคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะผู้บริโภค!

ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการทำธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สัญญาที่ดีควรมีลักษณะดังนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุด:

แสดงให้ผู้บริโภคทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตน ตลอดจนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการโดยชัดเจนตามควรแก่กรณี: ข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น คุณสมบัติ ราคา เงื่อนไขการรับประกัน หรือเงื่อนไขการให้บริการ ต้องระบุให้ครบถ้วนและเข้าใจง่าย

ไม่เป็นการจำกัดหรือยกเว้นความรับผิดของผู้ประกอบธุรกิจในส่วนที่เป็นสาระสำคัญโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเพียงพอ: ผู้ประกอบการไม่ควรจำกัดความรับผิดชอบในส่วนที่จำเป็นต่อสินค้าหรือบริการโดยไม่มีเหตุผลรองรับ

ต้องคำนึงถึงความสุจริตในการประกอบธุรกิจ: สัญญาต้องสะท้อนถึงความตั้งใจที่ดีและความซื่อสัตย์ในการดำเนินธุรกิจ

มีข้อกำหนดการเยียวยาความเสียหายในเวลาอันสมควรในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาได้: ต้องระบุเงื่อนไขและระยะเวลาในการชดเชยเยียวยาหากมีการผิดสัญญาเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

จัดให้มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแสดงเจตนาของผู้ประกอบธุรกิจในเรื่องที่เป็นสาระสำคัญ ต่อการคุ้มครองผู้บริโภค: ต้องมีเอกสารหรือหลักฐานที่ชัดเจนยืนยันเจตนาและข้อตกลงที่สำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค

ต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระเกินควรแก่การประกอบธุรกิจ: แม้สัญญาจะต้องคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็ต้องไม่สร้างภาระที่ไม่สมเหตุสมผลต่อผู้ประกอบธุรกิจ

หากคุณพบสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสัญญาและบริการ สามารถร้องเรียนได้!

ร้องเรียนผ่าน สคบ. ได้ที่สายด่วน 1166

ผ่านเว็บไซต์ www.ocpb.go.th

…สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มุ่งมั่นพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมและโปร่งใสในการทำสัญญาและการซื้อขายสินค้าบริการ